วิธีเลือกของ ขายออนไลน์ให้ปัง

914 จำนวนผู้เข้าชม  | 

วิธีเลือกของ ขายออนไลน์ให้ปัง

ขายออนไลน์ให้ปัง !!

     900,000 ล้านบาท คือมูลค่าตลาด e-commerce ไทยในปี 2565 ซึ่งเป็นมูลค่ามหาศาลและกำลังเติบโตขึ้นทุกปี เค้กก้อนนี้ ยังคงเป็นโอกาสให้เราทุกคนเข้าไปหารายได้เสริม ทำเป็นอาชีพและสร้างเนื้อสร้างตัวได้

     ยิ่งหากว่าเราเองเป็นนักธุรกิจ เป็นพ่อค้าแม่ขายที่กำลังขายสินค้าอะไรบางอย่างอยู่แล้ว ยิ่งควรต้องเข้ามาในโลกนี้ โลกแห่ง e-commerce เพราะมีข้อดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงลูกค้าจำนวนมาก ไม่ต้องการคนดูแลเยอะ ใช้เงินทุนน้อยหรือสามารถพูดได้ว่าถนนทุกสายของการทำธุรกิจมุ่งมาที่โลกแห่ง e-commerce

     และสำหรับใครที่กำลังลังเลว่า ตัวเองจะสามารถทำได้ไหม เห็นคนทำเยอะ ทุกคนก็พูดถึงเรื่องนี้ เราไม่เคยมีประสบการ์ณขายของมาก่อน ไม่รู้ว่าจะขายอะไรด้วยซ้ำไป ทำไปแล้วจะสู้เขาได้เหลอ แต่คุณเคยได้ยินไหมว่า

         “หากลองทำยังมีโอกาสสำเร็จ แต่ถ้าไม่ทำอะไรโอกาสเท่ากับศูนย์” 

เราจึงอยากแนะนำว่า มือใหม่ จะเลือกของและขายออนไลน์อย่างไรให้ปัง มาฝากกันครับ

การเลือกสินค้า

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการขายของ ไม่ว่าจะเป็น offline หรือ online ก็คือ สินค้า หากว่าสินค้าที่เราจะขายมันไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ถ้าคุณเอาเครื่องใช้ไฟฟ้าไปขายให้กับชาวเขาไกลๆที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง แบบนี้ก็เจริญพร คงต้องแยกย้ายกันไปคือ เจ๊งแน่นอนใช่ไหมครับ ดังนั้นอย่างแรกที่คุณต้องทำการบ้านคือ จะขายอะไรดี ซึ่งเรามี 2 วิธีที่อยากแนะนำครับ

  1. เลือกสินค้าตามความนิยม ภาษาอังกฤษใช้คำว่า trend แล้วจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่า ตอนนี้ trend ของตลาดคืออะไร ง่ายที่สุดก็ลองเข้าไปค้นหาใน google trend ครับ แล้วจะค้นหาอย่างไร คุณใช้เวลาสักสิบนาทีหาคลิปใน youtube อย่างเช่นคลิปนี้ 

     

      พอดูแล้วคุณก็จะเริ่มใช้งาน google trend เป็นแล้วครับ     นอกจากนั้นคุณต้องเริ่มสังเกต ดูว่าใน social media อย่าง Facebook Instagram twitter Line TikTok เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน ดาราที่ดังๆคนไหนเขามีงานอดิเรกอะไร หรือกำลังขายอะไร เช่น มีช่วงนึงจำได้ว่า คุณ ญาญ่า อุรัสยา ได้โพสต์รูปตัวเองกับต้นไม้ใน social media เท่านั้นแหละครับ ตลาดต้นไม้คึกคัก เรียกได้ว่าขายกันกระจุยกระจาย จนสร้างอาชีพ เกิดพ่อค้าแม่ขายต้นไม้ขึ้นมากมายเลยครับ

  2. เลือกสินค้าตามความชอบหรือความหลงใหลของตัวเราเอง การเลือกสินค้าแบบนี้อาจทำเงินให้เราได้ช้าหน่อย เพราะสิ่งที่เราชอบอาจไม่เป็นที่ต้องการของตลาดในเวลานั้น แต่ข้อดีของมันคือเราสามารถทำไปได้ยาวๆ ไม่ต้องคอยมาสังเกตคอยเปลี่ยนสินค้าไปเรื่อย ๆ และไม่ต้องมาเน้นแข่งราคากันกับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ แต่เราใช้ความชอบความรู้จริงของเราค่อยๆสร้างมูลค่าให้กับสินค้า และค่อยๆทำการตลาด สร้างฐานลูกค้าขึ้นมาเอง

ขายออนไลน์อย่างไรให้ปัง

          หลังจากที่ได้สินค้าที่จะขายแล้ว ต่อไปก็เป็นการหาวิธี ว่าจะทำอย่างไรให้สินค้าเราขายออก ให้เราสามารถเอาตัวรอดจากการแข่งอันอันดุเดือดของตลาด e-commerce นี้ได้ และเรามี 3 วิธีที่อยากแนะนำครับ

  1. หาจุดแข็งของเราให้เจอ                                                                                                                             มันคืออะไร มันคือสิ่งที่เรามีแต่คู่แข่งไม่มี อย่างเราอยู่ใกล้แหล่งสินค้า เราสามารถรับมาขายได้ต้นทุนถูกกว่าคู่แข่ง ถ้าเป็นสินค้าที่เน่าเสียได้ ของๆเราอาจจะสดใหม่กว่าคู่แข่ง หรือเรามี connection ที่ดีทำให้ได้สินค้ารุ่นใหม่ก่อนคนอื่น หากสินค้าเหล่านั้นขายดีจนขาดตลาดแต่เราเป็นร้านที่สามารถหาให้ลูกค้าได้ คุณคิดดูสิครับว่าร้านเราจะปังขนาดไหน
  2. ความทุ่มเท                                                                                                             เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับ “รวยเร็วเป็นไปได้ แต่รวยง่ายไม่มีจริง” การที่เราจะไปเป็นลูกจ้างในบริษัทเราสามารถทำงานตามเงินเดือนเช้าชามเย็นชามได้ หากว่าเรามีความสามาถจริงเราก็ทำไปเรื่อย ๆ เจ้านายคงไม่ไล่เราออก แต่ในวงการธุรกิจหรือการขายของออนไลน์ เราไม่สามารถใช้ทัศนคติหรือแนวคิดแบบนี้มาทำได้ครับ เพราะมันจะไม่รอด ดังนั้นเราต้องคิดถึงลูกค้าเยอะๆ ทำอย่างไรให้เขาได้รับสินค้าและบริการที่ดีที่สุดจากเรา จนเมื่อไหร่ที่เขาอยากได้สินค้านี้ ร้านของเราจะเป็นหนึ่งในใจเขา นั่นแหละครับที่เรียนว่ามีฐานลูกค้า
  3. บริหารต้นทุน  การเปรียบเทียบราคาในโลก e-commerce นั้นง่ายมาก แปลว่าต่อให้คุณภาพของสินค้าบริการเราดีกว่าคู่แข่ง แต่ถ้าของๆเรามันแพงกว่าเขาเยอะ ลูกค้าอาจไปเลือกซื้อกับคู่แข่งที่ขายถูกกว่าเราได้ครับ ดังนั้นเราต้องบริหารต้นทุนให้ดีด้วย อย่างในการขายของออนไลน์นั้น เราต้องการช่องทางการขายให้ได้หลายช่องทางที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทาง social media อย่าง Facebook Instagram Line tiktok หรือทางแพลตฟอร์มตัวกลางต่าง ๆ อย่าง Shopee Lazada นอกจากนั้นก็ยังมีแพลตฟอร์มตัวกลางที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ เช่น goomeemarket ซึ่งเหมาะกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่มาก เพราะเราสามารถนำของไปฝากขายได้ฟรี และเราก็จะสามารถลดต้นทุนให้เราตั้งราคาสินค้าได้ถูกกว่าคู่แข่ง ซึ่งมันก็จะเป็นข้อได้เปรียบอีกอย่างของเราครับ

ทั้งหมดนี้ เป็นคำแนะนำเบื้องต้นจากเรา หวังว่าจะช่วยให้พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่เอาไปเป็นแนวทางในการเริ่มต้น และขออำนวยอวยพรให้คุณสามารถยึดการขายของออนไลน์เป็นอาชีพ ที่เลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้นะครับ ขอบคุณครับ

ข้อความโดย เอกชัย ยะคุ้มพันธ์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้